สำหรับนักกีฬาหรือคนที่ชอบการเล่นกีฬาคงจะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ได้ ฟุตบอลเป็นหนึ่งในกีฬาที่เป็นสาเหตุให้เกิดการบาดเจ็บได้โดยง่าย เนื่องจากเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความเร็ว เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน และเกิดการปะทะ ซึ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บต่างๆได้ ดังนี้
1. เส้นเอ็นข้อเข่าบาดเจ็บ (Knee ligaments sprain) โดยเส้นเอ็นข้อเข่า(knee ligaments) จะมี 4 เส้น ประกอบไปด้วย
- เอ็นไขว้หน้า (ACL ; Anterior Cruciate Ligament)
- เอ็นไขว้หลัง (PCL ; Posterior Cruciate Ligament)
- เอ็นข้างด้านใน (MCL ; Medial Collateral Ligament)
- เอ็นข้างด้านนอก (LCL ; Lataral Collateral Ligament)
ซึ่งเส้นเอ็นข้อเข่าจะเชื่อมอยู่ระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง มีหน้าที่ช่วยรักษาและพยุงความมั่นคงของข้อเข่าไว้ในขณะทำกิจกรรม ซึ่งในกีฬาฟุตบอลที่มีการวิ่ง กระโดด กระแทก เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน หรือเกิดการปะทะกัน ซึ่งทำให้ข้อเข่าโดนกระแทกหรือบิดหมุน เกิดแรงกระทำภายในข้อเข่า ส่งผลให้เส้นเอ็นข้อเข่าอาจจะเกิดการอักเสบหรือฉีกขาดได้ โดยจะมีอาการปวดบริเวณเข่า (ขึ้นอยู่กับเส้นเอ้นที่บาดเจ็บ) เข่าบวม รู้สึกเข่าไม่มั่นคง
2. หมอนรองเข่าบาดเจ็บหรือฉีกขาด (Meniscus tear) โดยหมอนรองเข่ามี 2 ส่วน ประกอบไปด้วย
- หมอนรองเข่าด้านใน (Medial meniscus)
- หมอนรองเข่าด้านนอก (Lateral meniscus)
ซึ่งหมอนรองเข่าจะอยู่ภายในข้อเข่า อยู่ระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง มีหน้าที่ช่วยพยุงและรับแรงกระแทกที่เกิดภายในข้อเข่า ป้องกันการเสียดสีกันของกระดูก โดยในกีฬาฟุตบอลที่มีการวิ่ง กระโดด การเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน หรืออุบัติเหตุขณะเล่น ซึ่งทำให้ข้อเข่าเกิดการบิดหมุน เกิดแรงกระทำภายในข้อเข่า ส่งผลให้หมอนรองเข่าบาดเจ็บ อักเสบ หรือฉีกขาดได้ โดยจะมีอาการปวดภายในข้อเข่า เข่าบวม ตึง หรืออาจรู้สึกว่าเข่าล็อกติดๆขัดๆ จะปวดมากขณะลงน้ำหนัก
3. กล้ามเนื้อต้นขาบาดเจ็บ (Muscle strain)
กล้ามเนื้อต้นขานั้นจะมีหลายมัด แต่กล้ามเนื้อที่บาดเจ็บที่พบได้บ่อยที่สุดคือ กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstrings) และกล้ามเนื้อขาหนีบ (Groin) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่มีขนาดใหญ่ ทำหน้าที่เพิ่มแรงในขณะวิ่งและแรงในการเตะ ซึ่งในบางครั้งหากใช้แรงและเร็วมากเกินไป อาจจะเกิดแรงกระชากต่อกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อถูกยืดและฉีกขาดกะทันหันได้ โดยจะมีอาการปวดบริเวณต้นขาด้านหลังหรือบริเวณขาหนีบ ปวดมากขณะขยับขาหรือเดินลงน้ำหนัก
การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเหล่านี้สามารถป้องกันได้หากมีการเตรียมตัวที่ดีพอ เช่น ยืดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังเล่นกีฬา มีการ Warm up – Cool down เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อช่วงล่าง สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันและเสื้อผ้าที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนที่เพียงพอ และหากยังมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น เบื้องต้นแนะนำให้พักและประคบเย็นทันที แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขณะเล่นแนะนำว่าควรตรวจเพิ่มเติมกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจประเมินและรับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อป้องกันการบาดเจ็บเรื้อรัง และทำให้กลับไปเล่นกีฬาได้โดยเร็ว
กภ.ธนพร (ออย)
Reference
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/KBJ/article/download/248045/167992/899052
https://www.orthocarolina.com/media/the-3-big-football-injuries-you-should-know-about
https://www.bupa.co.uk/newsroom/ourviews/common-football-injuries
https://www.physio-pedia.com/Meniscal_Lesions
https://www.physio-pedia.com/Hamstring_Strain
https://www.physio-pedia.com/Category:Knee_Injuries
หลายๆคนที่ชอบออกกำลังกายอาจกำลังประสบปัญหาปวดต้นขาด้านหลัง หรือปวดบริเวณใต้ก้นและร้าวลงขา เรามาทำความรู้จักกับกลุ่มกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บกันเถอะ!!!!
กล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 3 มัด ที่เรียกว่า กล้ามเนื้อ Hamstrings ได้แก่ กล้ามเนื้อ Semitendinosus , Semimembranosus และ Biceps femoris กล้ามเนื้อเหล่านี้ทอดอยู่ระหว่างข้อสะโพกและข้อเข่า โดยจุดเกาะต้นของกล้ามเนื้ออยู่ที่ ischial tuberosity กล้ามเนื้อ Hamstrings ทำหน้าที่เหยียดต้นขาและงอเข่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะเดิน
Tip : ได้ชื่อแบบนี้เนื่องจากมันมีลักษณะกึ่งเอ็นกล้ามเนื้อ (Tendon) กึ่งกล้ามเนื้อ
จุดเกาะต้น : Ischial tuberosity
จุดเกาะปลาย : ปลายด้านหลังของ medial tibial condyle
หน้าที่ : งอเข่าและหมุนขาเข้าใน ช่วยเหยียดสะโพก
(Function: Hip extension, knee flexion, medial rotation of knee in knee flexion)
วางตัวอยู่ลึกกว่ากล้ามเนื้อ Semitendinosus มีลักษณะกึ่ง membrane กึ่งกล้ามเนื้อ
จุดเกาะต้น : Ischial tuberosity
จุดเกาะปลาย : Posteromedial ของ tibial condyle
หน้าที่ : งอเข่าและหมุนขาเข้าใน และช่วยเหยียดข้อสะโพก
(Function: Hip extension, knee flexion, medial rotation of knee in knee flexion)
ชื่อของกล้ามเนื้อ Biceps femoris บ่งบอกว่าเป็นกล้ามเนื้อรูปร่างคล้ายกระสวยมี 2 หัว คือ long head และ short head บริเวณส่วนล่างต้นขา long head จะกลายเป็น tendon
จุดเกาะต้น : long head เกาะที่ขอบในของ ischial tuberosity และ sacrotuberous ligament. และ Short head เกาะจาก linea Aspera และ lateral supracondylar line of femur
จุดเกาะปลาย : Head of fibular
หน้าที่ : งอข้อเข่าและหมุนขาออกนอก , ส่วน long head ช่วยเหยียดข้อสะโพกเมื่อเท้ายันติดพื้น
(Function: Knee flexion, Hip extension, and knee external rotation when the knee is flexed)
หากมีจุดปวด/กดเจ็บ (Trigger point) ในกล้ามเนื้อ Hamstrings อาจทำให้มีอาการปวดแผ่ร้าวไปตามร่างกาย ดังรูป
Hamstrings strains หมายถึง การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ Hamstrings ซึ่งเกิดการฉีกขาดของเส้นใยกล้ามเนื้อ พบได้บ่อยในคนที่วิ่งหรือเตะบ่อยๆ เช่น นักกีฬาวิ่ง หรือกระโดดสูง เป็นต้น การที่กล้ามเนื้อถูกกระชากอย่างแรงอาดทำให้เกิดการฉีกขาดของส่วนเกาะต้นของกล้ามเนื้อนี้ที่ Ischial tuberosity
นอกจากนี้อาการปวดต้นขาด้านหลังสามารถใช้ เครื่องอัลตราซาวด์ สแกนหาความผิดปกติของตำแหน่งที่ปวดเพื่อดูความผิดปกติต่างๆ เช่น การเกิดแคลเซียมที่เอ็นกล้ามเนื้อ ภาวะกล้ามเนื้อเสื่อม หรือกล้ามเนื้อฉีก และยังสามารถใช้อัลตราซาวน์นำวิถีการฉีดยาได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด และมีความปลอดภัยสูง
รูปแสดง ภาพกล้ามเนื้อ Hamstrings ที่มีการบาดเจ็บ โดยเครื่องอลตราซาวน์
Shockwave Therapy หรือ การรักษาด้วยคลื่นกระแทก
เป็นคลื่นกระแทกที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปยังเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีการอักเสบหรือบาดเจ็บ เกิดการกระตุ้นบริเวณที่บาดเจ็บทำให้เร่งการซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อ ได้ด้วยตนเอง
High Power Laser therapy
เกิดการกระตุ้นปลายประสาท ยับยั้งกระบวนการปวด ลดอาการปวด บวม และอักเสบ นอกจากนี้เลเซอร์มีผลความร้อน ทำให้หลอดเลือดขยายตัว มีผลในการนำเลือดและออกซิเจนมาเลี้ยงเซลล์มากขึ้น เร่งการจำกัดของเสีย ช่วยลดการอักเสบ และที่สำคัญเลเซอร์มีจุดเด่นในการปรับพลังงานของเซลล์ (ATP) จากการกระตุ้นการขนส่งออกซิเจน และไมโตรคอนเดรีย ภายในเซลล์ให้รวดเร็วขึ้น ผลจาก ATP ที่มากขึ้นทำให้เซลล์มีการซ่อมแซมฟื้นฟูที่รวดเร็วมากขึ้น
1. Lying Hamstrings stretch
วิธีทำ นอนหงาย ชันเข่าข้างที่ต้องการยืด จากนั้นใช้ยางยืดหรือผ้ายาวๆ (ผ้าขนหนู , ผ้าขาวม้า เป็นต้น) คล้องที่เท้า (Ball of foot) มือทั้ง 2 ข้าง จับปลายผ้า จากนั้นค่อยๆเหยียดขาขึ้นให้เข่าตรง จนรู้สึกตึงระดับปานกลางที่ต้นขาด้านหลัง หรือบริเวณข้อพับ ค้างไว้ 15 – 30 วินาที ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง ดังรูป
2. Sitting Hamstrings stretch
วิธีทำ นั่งหลังตรง เหยียดขาข้างที่ตรงการยืด เข่าชิดพื้น ปลายเท้ากระดกขึ้น ใช้ยางยืด/ผ้ายาว คล้องปลายเท้า มือทั้ง 2 ข้าง จับปลายผ้า และออกแรงดึง จนรู้สึกตึงระดับปานกลางที่ต้นขาด้านหลัง หรือบริเวณข้อพับ ค้างไว้ 15 – 30 วินาที ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง ดังรูป
หรือ นั่งหลังตรง เหยียดขาข้างที่ต้องการยืด เหยียดแขนไปทางปลายเท้าและโน้มตัวไปข้างหน้าให้นิ้วแตะปลายเท้า (การโน้มตัวให้ใช้สะโพกเป็นจุดหมุน ไม่ใช้การก้มหลัง) ดึง จนรู้สึกตึงระดับปานกลางที่ต้นขาด้านหลัง หรือบริเวณข้อพับ ค้างไว้ 15 – 30 วินาที ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง ดังรูป
3. Foam roller
วิธีทำ วาง foam roller ไว้ที่ต้นขาด้านหลัง จากนั้นใช้น้ำหนักตัวกดลงและเลื่อนโฟมขึ้น - ลง เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่มีอาการตึง ดังรูป
สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพได้กับทางรีแฮปแคร์คลินิกโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นและนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง
สอบถามเพิ่มเติมที่ "รีแฮป แคร์ คลินิก"
ที่อยู่ : 423 ถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. (อยู่ในศูนย์กีฬากันอริ ก่อนถึงซีคอนบางแค) ? 061-801-2482 Line ID : @rehabcare
เรามาทำความรู้จักกล้ามเนื้อขาหนีบกันก่อนดีกว่าค่ะ กล้ามเนื้อขาหนีบหรือกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหุบสะโพก (hip adductor muscle)
เป็นกลุ่มของกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่หุบขา มี 3 มัด คือ
- Adductor longus
- Adductor brevis
- Adductor magnus
1. เกิดจากการหมุนของขาออกนอกอย่างรุนแรง ขณะที่อยู่ในท่าขากาง ทำให้เกิดการยืด หรือฉีกขาดของเอ็นหรือกล้ามเนื้อ
2. มีการบาดเจ็บ เล็กๆน้อยๆ ซ้ำๆ ของกล้ามเนื้อขาหนีบ (hip adductor muscle)ที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
3. เกิดจากกล้ามเนื้อขาหนีบ (hip adductor muscle) ไม่ค่อยแข็งแรง แต่กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (quadriceps muscle) แข็งแรงมาก มันจะทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อ 2 กลุ่มนี้ไม่สมดุลกัน เกิดการดึงรั้งซึ่งกันและกัน จึงทำให้เกิดการบาดเจ็บตามมา
- จะรู้สึกปวดเหมือนมีมีด เสียบเข้าที่ขาหนีบ
- อาจจะปวดตื้อๆ
- จะปวดมากขึ้นเมื่อให้หนีบขาต้านแรง
- แพทย์จะตรวจพบ จุดกดเจ็บบริเวณเอ็นกล้ามเนื้อขาหนีบ (Hip adductor muscle)
- บางครั้ง อาจมีอาการเหมือนข้อสะโพกติดในตอนเช้า
- หากมีอาการบวมแดงร้อน ให้ประคบเย็นบริเวณที่มีอาการปวด ประมาณ 15-20 นาที ร่วมกับพักการใช้งาน
- หากเป็นมานาน และไม่มีอาการบวมแดงร้อน ให้ประคบอุ่นบริเวณที่มีอาการปวด ประมาณ 15-20 นาที แล้วยืดกล้ามเนื้อ
- การฉีดยา (Prolotherapy Injection) คือฉีดกลูโคสเข้าไปที่บริเวณกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บ หรือมีการอักเสบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเร่งกระบวนการฟื้นฟูและรักษาตามธรรมชาติ โดยจะใช้เครื่องอัลตราซาวน์ในการนำการฉีดยา เพิ่มความปลอดภัยและแม่นยำในการฉีด และลดความเสี่ยงการฉีดไปโดนเส้นประสาท
- การรักษาทางกายภาพบำบัด เป็นการรักษาจากต้นเหตุของปัญหา แก้ไขโครงสร้างกระดูกกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหาโดยตรง ฟื้นฟูให้คุณกลับมาทำกิจวัตรประจำวันหรือเล่นกีฬาได้อย่างปลอดภัยและไร้อาการเจ็บ ปัจจุบันวิธีการรักษาทางกายภาพบำบัดก้าวล้ำไปมาก มีทั้งเทคนิควิธีการรักษาที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่คุณภาพสูง
>การใช้ Therapeutic ultrasound เข้าไปช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ โดยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด นำออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้ในขบวนการซ่อมแซมมาให้กับเนื้อเยื่อเหล่านี้ คุณจะเห็นถึงผลต่างทันทีหลังการรักษา
>การใช้ High Power LASER therapy เข้าไปช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ช่วยลดปวด โดยกระตุ้นให้ไมโตรคอนเดรียซึ่งเป็นแหล่งพลังงานในเซลล์เนื้อเยื่อทำงานได้อย่างประสิทธิภาพในการซ่อมตัวเองเร็วยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเนื้อเยื่อที่มีน้ำหรือเลือดมาเลี้ยงน้อย อาทิเช่น เอ็นข้อต่อ เอ็นกล้ามเนื้อ ในร่างกาย
1. นั่งหันฝ่าเท้าทั้งสองข้างเข้าหากัน ลำตัวตั้งตรง ค่อยๆโน้มตัวไปด้านหน้าช้าๆ ทำค้างไว้ นับ 1-15 ทำซ้ำ 3-5 รอบ
2. ตั้งขาขึ้นมา 1 ข้างตามภาพ แล้วค่อยๆ โน้มตัวเองไปทางด้านหน้า ให้รู้สึกตึงๆบริเวณหน้าขา ทำค้างไว้ นับ 1-15 ทำซ้ำ 3-5 รอบ
3. ยืนกางขาเล็กน้อย ค่อยๆถ่ายน้ำหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง ให้รู้สึกตึงๆบริเวณหน้าขา ทำค้างไว้ นับ 1-15 ทำซ้ำ 3-5 รอบ
4. นอนตะแคง ขาข้างหนึ่งไว้บนเก้าอี้ ส่วนขาที่อยู่ด้านล่างค่อยๆ หุบขาเข้า ทำช้าๆ ทำ 15 ครั้ง /รอบ ทำ 3 รอบ
สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพได้กับทางรีแฮปแคร์คลินิกโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นและนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง
สอบถามเพิ่มเติมที่ "รีแฮป แคร์ คลินิก"
ที่อยู่ : 423 ถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. (อยู่ในศูนย์กีฬากันอริ ก่อนถึงซีคอนบางแค) ? 061-801-2482 Line ID : @rehabcare