1. น้ำช่วยพยุงน้ำหนักครรภ์ของคุณแม่ และลดแรงกระแทกขณะออกกำลังกาย
2. แรงดันในน้ำ หรือ Hydrostatic pressure จึงช่วยให้เลือดดำมีการไหลเวียนกลับมาที่หัวใจมากขึ้น ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น สามารถลดอาการบวมที่รยางค์แขน ขาได้
3. เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ให้มดลูกแข็งแรง ส่งผลให้คุณแม่คลอดง่ายขึ้น และมดลูกกลับเข้าอู่ได้เร็วขึ้นภายหลังการคลอด
4. มีผลเรื่องการหายใจ การฝึกหายใจที่เป็นจังหวะจะช่วยให้คุณแม่เบ่งคลอดได้ง่ายขึ้น
5. เพิ่มความแข็งของกล้ามเนื้อและช่วยปรับท่าทางของคุณแม่ทำให้ลดอาการปวดหลังได้
6. แรงดันน้ำจะช่วยนวดตามตัวคุณแม่ ทำให้คุณแม่สดชื่นขึ้น
7. เมื่อออกกำลังกายในน้ำนอกจากจะช่วยให้ผ่อนคลายแล้วยังหลั่งสารเอนโดรฟิน ทำให้คุณแม่มีความสุข อารมณ์ดี ลูกน้อยในครรภ์จะรับรู้ถึงความรู้สึกของคุณแม่ ทำให้สมองของลูกน้อยเกิดพัฒนาการที่ดีตามไปด้วย
8. ขณะที่คุณแม่มีการเคลื่อนไหวในน้ำ ลูกน้อยในครรภ์ก็จะมีการเคลื่อนไหวเหมือนได้ออกกำลังกายไปพร้อมคุณแม่ด้วย โดยผิวหนังของลูกสัมผัสกับผนังมดลูกด้านใน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาของเส้นใยสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูกน้อย
- การออกกำลังกายในน้ำ เริ่มทำได้เมื่อไตรมาสที่ 2 (4 เดือน) เป็นต้นไป
- ควรมีผู้เชี่ยวชาญ/ครูฝึกอยู่ด้วยเสมอ
- มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ โรคหัวใจ
- อ่อนล้า
- BMI น้อยกว่า 12
- คุณแม่ที่เป็นครรภ์แฝด หรือเคยแท้งบุตรมาก่อน ***ระวังเป็นพิเศษ
- ไม่กลั้นหายใจขณะออกกำลังกาย
- เมื่อรู้สึกเหนื่อยเกินไปให้พัก
- ภาวะรกเกาะต่ำ
- มดลูกไม่แข็งแรง
- มีเลือดออกจากช่องคลอด
- น้ำคร่ำแตก
- ครรภ์แฝด
- มีภาวะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด